การแต่งชิ้นงานเรซิ่น
การผลิตชิ้นงานที่ต้องการผิวหน้าที่แตกต่างกันตามความต้องการของเรา วิธีการและเทคนิคต่อไปนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้รักการประดิษฐ์และงานศิลปะทุกท่าน
1.ทำผิวให้เรียบ ชิ้นงานที่มีตำหนิที่เกิดจากรอยต่อ รอยหยาบ ผิวฐาน หรือช่องเท เรซิ่น ควรขัดด้วยกระดาษทรายน้ำ หรือเครื่องขัด ถ้าผิวเป็นหลุม รอยแตก ควรผสมเรซิ่นให้เป็นเนื้อเดียวกับชิ้นงานหยอดให้เต็ม รอให้แข็งตัวแล้วนำไปขัด
2.ทำให้ผิวมัน เมื่อถอดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ซิลิโคนแม้ชิ้นงานจะเรียบแต่ไม่มันนั้นมีเทคนิคการทำดังนี้
- ใช้ล้อขัดติดมอเตอร์
- ทาหรือพ่นแล็กเกอร์ใสหรือโพลียูรีเทน นิยมใช้กับเครื่องประดับหรืองานหล่อเพราะชิ้นงานที่หล่อจากแม่พิมพ์ผ่าจะมีตำหนิตามแนวรอยผ่าต้องขัดกระดาษทรายให้เรียบก่อน จากนั้นจึงทาหรือพ่นแล็กเกอร์ใสหรือโพลียูรีเทน จะทำให้ผิวหน้าเป็นมัน
- ขัดด้วยยาขัดรองเท้า ยาขัดสีดำขัดชิ้นงานสีดำ ยาขัดสีน้ำตาลขัดชิ้นงานสีน้ำตาล โดยใช้แปรงขัดรองเท้า หรือแปรงสีฟันบริเวณซอกเล็ก ๆ
3.ทำผิวให้โบราณ
- จุ่มชิ้นงานในอะซิโตน อะซิโตนจะกัดผิวหน้าให้กร่อน ยิ่งจุ่มนานจะกร่อนมาก จากนั้นจึงนำไปคลุกดิน คลุกแป้ง ย้อมสีน้ำหรือเชลแล็ก ทำให้สีขมุกขมัวเก่ามากขึ้น
- ย้อมสี ทาสีน้ำ เชลแล็ก หรือน้ำมันวานิชให้ทั่ว และทิ้งให้แห้งและเช็ดออก (โดยใช้ตัวทำละลายเช็ด) บริเวณที่เช็ดคือส่วนนูนจะมีสีจางบริเวณซอกหรือผิวหยาบจะมีสีเข้ม จะทำให้ชิ้นงานดูเก่า
4.ทำให้ผิวมีสีสวยงาม ใช้สีพลาสติก สีน้ำมันทั่วไป สีอีพ๊อกซี่ สีอะคริลิก น้ำมันวานิช เชลแล็ก แม้กระทั่งการลงรักปิดทอง
5.ทำให้ผิวเหมือนโลหะ ต้องการให้ผิวชิ้นงานเป็นทองแดง เงิน ทอง ทำได้โดยการนำไปชุบเคลือบผิวด้วยไฟฟ้า หรือนำไปชุบเคลือบผิวด้วยระบบสุญญากาศ
6.ทำให้ผิวด้าน
- ขัดผิวด้วยกระดาษทรายน้ำ ประหยัดที่สุด แต่ผิวจะเป็นรอยที่ไม่เสมอกัน
- จุ่มแช่ในน้ำยากัดเรซิ่น (น้ำยาเชื่อมแผ่นอะคริลิค) เป็นชิ้นงานที่ต้องผสมวัสดุอื่น ๆ เช่น ผงหิน ผงทัลคัม ผงทราย ฯลฯ กับเรซิ่น เมื่อแข็งตัวแล้วจึงนำไปแช่กับน้ำยาเรซิ่นประมาณ 30 – 120 วินาที ผิวชิ้นงานจะหยาบด้าน
- พ่นด้วยเครื่องพ่นทราย ทำให้ผิวเสมอกันดี เหมาะใช้ทำระบบอุตสาหกรรม